พลิกรัก! หักเหลี่ยมร้าย (ต้นฉบับซึ่งไม่ผ่านการรีไต์)
หน้า 1 จาก 1
พลิกรัก! หักเหลี่ยมร้าย (ต้นฉบับซึ่งไม่ผ่านการรีไต์)
บทนำ
“เก้งอีกล่ะ กรี๊ดดด! ตกลงออฟฟิศนี้ต้องคำสาปเอาไว้ใช่มั้ยว่าห้ามชายแท้หล่อล่ำเข้ามาทำงาน ถึงได้มีแต่อีแอบอีเก้งอีกวางเดินกันยั้วเยี้ยไปทั่วทั้งตึก แล้วอย่างนี้ผู้หญิงสวยๆ อย่างฉันจะไปเดินอ่อยใครได้ โอ้ย ว่าแล้วเพลีย” หมวย สาวท้วมร่างเตี้ยหย่อนก้นลงกระแทกเก้าอี้ประจำตำแหน่งลับหลังร่างใครบางคนที่เดินออกจากแผนกฝ่ายบุคคลของตนไปแล้ว ซึ่งใครคนนั้นเจ้านายของหล่อนที่นั่งบัญชาการอยู่ในห้องส่วนตัวเอ่ยแทงลงมาแล้วว่าให้บรรจุเข้าทำงานเป็นพนักงานฝึกหัดแผนกบัญชีในบริษัทโฆษณาแห่งนี้
“นี่ยัยหมวย หน้าหล่อนนวลเนียนใสกิ๊กได้ครึ่งของน้องออกัสนั้นก่อนเถอะหล่อนค่อยมาบอกตัวเองสวย” รจนา สาวร่างบางหุ่นไม้เสียบลูกชิ้นเอ่ยขัดคอเพื่อนสาวแสนสนิท ก่อนจะถอนหายใจออกมาเมื่อรู้สึกเสียดายในหน้าตาอันแสนน่ารักของน้องออกัสที่ตนเอ่ยถึง
“ไม่น่าเป็นเกย์เล้ย เจ้เสียดายจริงๆ” หล่อนพร่ำเพ้อเบาๆ หมวยมองเห็นอาการแอบเบ้ปากใส่แล้วเอ่ยว่า
“เดินสาวสนั่นมาตั้งแต่หน้าประตูขนาดนั้นหล่อนยังจะเสียดายน้องเขาอีกเหรอยัยรจนา หน้าจิ้มลิ้มสดใหม่ใสกระเตาะแบบนี้รับรองว่าอีตั๋งกะอีฟิล์มแข่งกันจีบเพื่อเก็บเลเวลอีกแหง่มๆ ฉันล่ะเชื่อเลย หล่อก็หล่อกันทั้งคู่ทำม้าย ทำไมถึงได้ชอบผู้ชายหน้าหวาน เปรี้ยวๆ อย่างฉันนี่ดันไม่สนใจชิส์”
“เหม็นเปรี้ยวเป็นแหนมเน่าน่ะสิอย่างหล่อนน่ะยัยหมวย”
“ว่าใครเหม็นเปรี้ยวยะยัยหุ่นเลขหนึ่งอารบิก”
“ฉันหุ่นเลขหนึ่งหล่อนก็เลขศูนย์ล่ะย่ะ กล้าพูด”
“ถูกต้องจ๊ะเพื่อนรัก อันนี้คนสวยยอมรับ เพราะเราคือสองสาวหมายเลขสิบ ฮ่า ฮ่า ฮ่า”
ประโยคท้ายทั้งหมวยและรจนาต่างเอ่ยพร้อมๆ กันก่อนจะวิ่งเข้าแปะมือกันหัวเราะลั่นแผนกกระทั่งเรียกสายตาใครต่อใครให้จ้องมองการกระทำได้
“ไม่บอกว่าเป็นหญิงฉันว่าสองคนนี้เป็นกะเทยแปลงเพศมาแน่ๆ แรดซะ” นิดหน่อยสาวเจ้าระเบียบรูปร่างหน้าตาสวยแบบธรรมดาหันไปกระซิบกระซาบกับเพื่อนข้างโต๊ะ ทำท่าทำทางออกจริตเพราะไม่ค่อยที่จะกินเส้นกะสองสาวหมายเลขสิบสักเท่าไหร่
“นินทาอะไรยะแม่นิดหน่อย” หมวยว่าให้เมื่อแลเห็น นิดหน่อยยักไหล่ไม่สนใจก่อนจะหันไปทำงานต่อ หมวยและรจนาจึงกลับไปนั่งโต๊ะทำงานทำการบ้าง
ตั๋งและฟิล์มที่หมวยเอ่ยถึงเมื่อสักครู่คือสองหนุ่มเพื่อนซี้ที่เปิดตัวลั่นสนั่นตึกว่าเป็นพวกชายไม่จริงตอนที่โดนสาวๆ หลายคนไล่จีบเมื่อตอนเข้ามาทำงานที่นี่ใหม่ๆ ในตำแหน่งครีเอทีฟทั้งสองคน ด้วยรูปร่างหน้าตาของสองหนุ่มที่พุ่งกระแทกตาสาวๆ จนเส้นเลือดฝอยบริเวณนัยส์ตาแตกกระจุยกระจายจึงทำให้เกิดกระแสต่อต้านว่าไม่จริงในตอนแรกๆ แต่พอหลังๆ เริ่มเห็นพฤติกรรมสองหนุ่มที่คอยกระแซะนายแบบวัยกระเตาะที่เข้ามาเทสงานโฆษณา ซึ่งส่วนใหญ่เป็นแนวหวานๆ แอ็บๆ ใสซื่อ แทบทั้งนั้นหลายคนจึงเริ่มทำใจได้และเข้าใจได้ในที่สุดแม้จะแอบเสียดายมาจนทุกวันนี้
ตั๋งและฟิล์มเป็นเพื่อนที่เรียนจบมาด้วยกัน สองคนไม่ได้มีบุคลิกที่ชวนเชื่อว่าจะเป็นชายรักชายได้ ไม่ว่าจะเป็นกิริยา ท่าท่าง หรือคำพูด ดูๆ ไปก็คล้ายกับพวกผู้ชายแบดบอยเสียด้วยซ้ำ ซึ่งลักษณะท่าทางเหล่านี้แหละที่มัดใจเหล่าเก้งวัยใสได้ดีนัก หลายต่อหลายคนที่เข้ามาเทสงานที่นี่ ซึ่งรับเป็นโมเดลลิ่งเองด้วย ต่างก็โดนสองหนุ่มสอยเรียบไปซะทุกรายหากว่าทั้งคู่ถูกใจใคร โดยเป็นในลักษณะแข่งกันเก็บแต้มเสียมากกว่าการคิดจริงจัง ด้วยเสน่ห์และฝีมือการอ้อล้อเหยื่อของสองหนุ่มไม่มีใครเป็นลองใคร ตั้งแต่เริ่มเกมล่าแต้มกันมาจึงยังไม่มีใครพลาดพลั้งให้แก่กัน เรื่องแบบนี้นานวันเข้าทั้งออฟฟิศต่างก็รับรู้กันอย่างถ้วนทั่ว จนหลายคนจับตามองว่าระหว่างสองคนนี้ใครจะเป็นคนพิชิตเลเวลสูงสุดในตอนสิ้นปี ซึ่งใกล้เข้ามาแล้วในอีกไม่กี่เดือน
..........................................................
“ไม่กลับบ้านเหรอจ๊ะนัจ” ลีลา หัวหน้าฝ่ายบัญชีเอ่ยถามนัจลูกน้องหนุ่มที่กำลังก้มหน้าก้มตาทำงานอยู่ระหว่างที่หล่อนเดินผ่านจะออกจากแผนกเพื่อกลับบ้าน เมื่อเวลาขณะนี้เป็นเวลาเลิกงานแล้ว
“งานยังไม่เสร็จเลยพี่ลีลา” นัจเงยหน้าขึ้นตอบ ขยับแว่นตาให้เข้าที่เมื่อเห็นมันจะหลุด
“ขยันอีกแล้วนะเรา ยังไงพี่กลับก่อนนะต้องไปรับเจ้าตัวเล็กที่โรงเรียนอีก” หัวหน้างานเอ่ยบอก นัจยิ้มให้หน่อยๆ ก่อนจะหันมาสะสางงานต่อเมื่อเจ้านายสาวพาร่างหายไปจากแผนกแล้ว ที่เหลือตอนนี้จึงมีแค่ตัวเขาเองนั่งอยู่คนเดียว
นัจเป็นอีกคนหนึ่งที่เปิดตัวสนั่นตึกว่าตัวเองก็เป็นชายรักชายอีกคนในตอนที่ทนไม่ได้กับการพยายามจับผิดพฤติกรรมของเพื่อนร่วมงาน เหตุเพราะว่าเขาเป็นที่มีบุคลิกเรียบร้อย ขี้อาย เหตุที่การเปิดตัวต้องสนั่นตึกก็เพราะว่าใครหลายคนแปลกใจว่ามีด้วยเหรอที่เก้งกวางสมัยนี้จะมีลักษณะคล้ายหญิงไทยในทุกกระเบียดนิ้ว
นัจเป็นคนพูดเพราะ ขยัน ไม่เคยนินทาให้ร้ายใคร จิตใจภายในถือได้ว่าเป็นคนดีมากหนึ่งคนในออฟฟิศนี้ ส่วนลักษณะภายนอกนั้น เป็นคนที่ถือได้ว่าแต่งตัวได้เชยที่สุดก็น่าจะได้ เพราะที่แห่งนี้เป็นบริษัทโฆษณา เพราะฉะนั้นค่านิยมการแต่งกายคือต้องเฉี่ยว เปรี้ยว ชนิดเดินผ่านแล้วต้องข่มกันให้ได้อย่างไม่มีใครยอมใคร แต่สำหรับนัจชายหนุ่มไม่ได้คิดอย่างนั้น เขาคิดเสมอว่าหน้าที่เขาคือทำบัญชี ไม่ได้เสนอหน้าไปต้อนรับขับสู้ใคร วันๆ ก็อยู่กับตัวเลข จึงไม่จำเป็นที่จะต้องหาอะไรมาปรุงแต่งร่างกายให้ฟุ้งเฟ้อ ชายหนุ่มเป็นคนสายตาสั้น การทำงานทุกวันจึงต้องอาศัยการใส่แว่นตา ไม่เช่นนั้นจะไม่สามารถทำอะไรได้เลย นั่นยิ่งเพิ่มภาพลักษณ์ความเชยให้กับตัวตนของชายหนุ่มขึ้นไปอีก นอกจากการแต่งกายที่ไร้ซึ่งเสื้อผ้าแบรนด์เนมสีสันฉูดฉาด และลวดลายสะดุดตา
หลายคนพยายามแนะนำให้เจ้าตัวหาคอนแทคเลนส์มาใส่แทนแว่นสายตาเพื่อเพิ่มบุคลิกเก๋ๆ ให้ตัวเอง แต่ชายหนุ่มปฏิเสธโดนสิ้นเชิง เพราะแว่นตาที่ใช้อยู่เป็นของสำคัญที่มีค่าต่อจิตใจอย่างมากมายเพราะคุณปู่ซึ่งตนเคารพรักมากเป็นผู้สั่งตัดให้เป็นของขวัญในวันที่เขาสอบเข้ามหาวิทยาลัยอันดับต้นๆ ของประเทศได้ ชายหนุ่มจึงใส่แว่นตานี้ไม่ยอมถอดหากไม่จำเป็นต้องถอด และอีกเหตุผลที่ปฏิเสธการใส่คอนแทคเลนส์อย่างสิ้นเชิงคือความกลัวที่ฝังใจ เพราะเคยใส่ในการร่วมแสดงละครของมหาวิทยาลัยสมัยเรียนหนังสือแล้วทำให้นัยส์ตาอักเสบอยู่เป็นสัปดาห์ ในวันนี้คุณปู่ของนัจได้จากโลกนี้ไปแล้ว แว่นตาที่ใส่อยู่จึงถือเป็นของชิ้นสำคัญที่ทำให้เขาคิดว่าคุณปู่ของเขาอยู่ใกล้ๆ เขาตลอดเวลา
นัจเข้ามาทำงานที่บริษัทโฆษณานี้ก่อนตั๋งและฟิล์ม แต่ความสนิทสนมกับเพื่อนร่วมงาน ชายหนุ่มไม่มีเสน่ห์ดึงดูดใจให้ใครเข้ามาตีสนิทได้เท่ากับสองหนุ่มนั้น เพื่อนๆ ที่พอจะคุยกันและไปไหนมาไหนด้วยกันได้บ้างก็มีแค่เพื่อนๆ ในแผนก และสองสาวหมายเลขสิบอย่างหมวยและรจนา จะว่าไปสองสาวนั้นก็สนิทสนมกับใครเขามั่วไปหมดนั่นล่ะเพราะเป็นคนมีทักษะสูงในเข้าหาและสนทนากับผู้คน จะมีก็แต่นิดหน่อยเท่านั้นที่สองสาวไม่ค่อยอยากจะคบค้าด้วยเพราะดูระเบียบเกินจริต
ด้วยหน้าที่การงานที่รับผิดชอบไม่ค่อยจะเกี่ยวเนื่องกันมากนัก น้อยครั้งที่นัจจะมีโอกาสได้พบหน้าหรือพูดคุยกับทั้งตั๋งและฟิล์ม แต่เพราะความฮอตของสองหนุ่มนั้นชายหนุ่มจึงได้รับรู้ข่าวสารของทั้งสองอยู่เป็นประจำจากการเม้าท์มอยของเพื่อนร่วมแผนกบ้าง สองสาวหมายเลขสิบบ้าง แน่นอนที่สุดว่าข่าวการแข่งจีบเก้งใสๆ เพื่อเก็บเลเวลหวังทำสถิติเกทับกันตอนสิ้นปีย่อมหลุดมาให้เขารับรู้อยู่เป็นระยะๆ ชายหนุ่มเคยนึกระอากับพฤติกรรมของทั้งสองหนุ่มฮอต แต่พอคิดว่าวิถีชีวิตของใคร ใครเลือกอะไรก็เรื่องของคนนั้นจึงไม่อยากจะเข้าร่วมสนทนากับใครในหัวข้อนี้
แต่หากว่ากันตามจริงถามว่าเขาเชียร์ใครให้ได้รับชัยชนะในเกมส์อุบาทว์นี้ แน่นอนที่สุดว่าฟิล์มคือคนที่เขาแอบเทคะแนนให้หน่อยๆ เพราะอะไรน่ะหรือ ใครจะรู้ล่ะว่าลึกๆ แล้ว คนที่มีท่าทีเชยๆ เรียบร้อย พูดน้อย อย่างเขาแอบหวั่นไหวและมีใจให้กับตั๋งอยู่ลึกๆ ฉะนั้นแล้ว เขาก็อยากให้ตั๋งเลิกสนใจใครและเลิกทำตัวเป็นเกย์แบดบอยอยู่บ้าง แต่ถ้าจะหวังถึงขั้นให้ตั๋งมาสนใจเขานั้นมันคงยากกว่าการงมเข็มในมหาสมุทรอีก เพราะคนเช่นเขากับมาตรฐานของคนที่ตั๋งสนใจมันช่างต่างกันนัก ในตัวเขาแม้ตั๋งจะเอาแว่นขยายมาส่องหาความน่าสนใจตั้งแต่เส้นผมจรดปลายเท้าคิดว่าเจ้าตัวก็คงจะหาไม่เจอหรอก แต่ช่างเถอะ เขามีความสุขเงียบๆ ยามที่ได้พบหน้าของคนๆ นั้นก็พอแล้ว เขาจะไม่ยอมเปิดเผยให้ใครรู้แล้วโดนหัวเราะเยาะหรอกว่าไม่เจียม ก็คนเชยๆ อย่างเขาไปแอบมีหัวใจให้หนุ่มฮอตอย่างตั๋ง หากใครรู้ใครก็ต้องหัวเราะเยาะอย่างแน่นอนที่สุด จริงมั้ย!
Bboyseries Present
นิยายรักบทใหม่
"อย่าให้มันมากนะนัจ คิดว่าดูดีแล้วเหรอที่ทำแบบนี้"
"แล้วตั๋งมายุ่งอะไรด้วย หึงเหรอ ออกัสไปไหนซะล่ะ"
"อยู่กันสองคนอย่าพาลถึงคนอื่น"
"นัจไม่ใช่คนพาล เข้าใจซะใหม่นะ"
"แต่กำลังจะกลายเป็นนัจร้านโลกน่ะสิ"
"ช่วยไม่ได้ได้ ถึงคราวร้าย นัจก็ต้องร้าย จำไว้!"
พลิกรัก...หักเหลี่ยมร้าย!
กลับมารีไต์ เพื่อรีมายด์ความทรงจำ
เร็วๆ นี้
นิยายรักบทใหม่
"อย่าให้มันมากนะนัจ คิดว่าดูดีแล้วเหรอที่ทำแบบนี้"
"แล้วตั๋งมายุ่งอะไรด้วย หึงเหรอ ออกัสไปไหนซะล่ะ"
"อยู่กันสองคนอย่าพาลถึงคนอื่น"
"นัจไม่ใช่คนพาล เข้าใจซะใหม่นะ"
"แต่กำลังจะกลายเป็นนัจร้านโลกน่ะสิ"
"ช่วยไม่ได้ได้ ถึงคราวร้าย นัจก็ต้องร้าย จำไว้!"
พลิกรัก...หักเหลี่ยมร้าย!
กลับมารีไต์ เพื่อรีมายด์ความทรงจำ
เร็วๆ นี้
หน้า 1 จาก 1
Permissions in this forum:
คุณไม่สามารถพิมพ์ตอบ
|
|